วันจันทร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2556

ปัญหาสิว กับ วัยรุ่น



การเกิดสิว


สิวนับว่าเป็นปัญหาที่สำคัญของวัยรุ่นทั้งชายและหญิง เพราะวัยรุ่นเป็นที่จับใจของเพศตรงข้ามและแม้แต่เพื่อนเพศเดียวกัน สิวเป็น
เรื่องธรรมชาติของวัยรุ่น ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมน หรือการใช้เครื่องสำอางที่ไม่เหมาะสม หรือเกิดจากความสกปรก
ของผิวหนังบริเวณใบหน้า หรือเกิดจากความเครียด และการมีประจำเดือนมีสิวเกิดขึ้นมากกว่าปกติ ทั้งนี้เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลง
ทางฮอร์โมน และอาจมีความเครียดและความวิตกกังวลร่วมด้วย

การปฏิบัติตนในการป้องกันและรักษาสิว


  1. การรักษาความสะอาดของใบหน้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยอาศัยหลักง่ายๆ คือ การรักษาสภาพผิวหน้า ให้เป็นธรรมชาติที่สุด โดยการล้างด้วยน้ำสะอาดแล้วใช้ผ้านุ่มๆ ซับให้แห้งก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะใช้สบู่ ควรใช้สบู่อ่อนๆ ถูเบาๆ แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด ไม่ควรใช้ครีม หรือสารเคมีล้างหน้า เพราะสิ่งเหล่านี้ อาจทำลายกลไกการป้องกันตนเองตามธรรมชาติของผิวหนังให้หมดไปได้ อาจจะทำผิวหน้าแห้ง และกร้านได้ง่าย วิธีล้างหน้า ควรล้างมือให้สะอาดก่อน แล้วใช้มือลูบหน้าเบาๆ อย่าถูใบหน้าแรงๆ และไม่ควรเอาหน้าไปรองรับน้ำที่ไหลแรงมากๆ เพราะจะทำเซลล์ของผิวหน้าถูกทำลายได้ง่าย

  1. อย่าแกะสิว เพราะการแกะสิวจะเป็นการให้รอยเปิดของผิวหน้ากว้างขึ้น เชื้อโรคจากภาย นอกจะเข้าไปทำให้เกิดการอักเสบ และสิวลุกลามมากขึ้นด้วย ในรายที่รุนแรงอาจกลาย เป็นสิวหัวช้างหรือฝีได้ เมื่อรักษาหายแล้วก็อาจเกิดรอยแผลเป็นบนใบหน้าได้ โดยปกติ สิ่งที่เกิดตามจากธรรมชาติิ จะไม่ ก่อให้เกิดรอยแผลเป็นแต่อย่างใด

  1. อย่าใช้เครื่องสำอางอย่างไม่เหมาะสม และเกินความจำเป็น วัยรุ่นเป็นวัย ที่มีความงาม ตามธรรมชาติ อยู่แล้ว การใช้เครื่องสำอางจึงไม่จำเป็น หากจำเป็นต้องใช้เครื่องสำอาง ควรทดลองก่อนว่าไม่แพ้ เครื่องสำอาง ชนิดนั้นๆ และควรใช้น้อยที่สุด

การรักษาความสะอาดของร่างกายและการแต่งกาย


วัยรุ่นเป็นวัยที่มีการเจริญเติบโตทางร่างกายอย่างรวดเร็ว ประกอบกับความรักสวยรัก งามซึ่งเป็นธรรมชาติของวัยนี้ ทำให้เรื่องการแต่งกายเป็นเรื่องสำคัญสำหรับวัยรุ่น ในวัยรุ่น หญิงจะมีหน้าอกสะโพกผาย ลักษณะเช่นนี้จึงจะต้องเลือกเสื้อผ้าให้เหมาะสม เสื้อชั้นใน ควรใส่ยกทรงที่ทำด้วยผ้าฝ้ายที่ซับเหงื่อได้ดี นอกจากนั้นทั้งชายและหญิง ไม่ควรสวม เสื้อผ้าซ้ำ เพราะเหงื่อออกมาก อาจจะเกิดกลิ่นที่ไม่ดีในเสื้อผ้า และสิ่งที่สำคัญอีกอย่าง หนึ่ง คือ การมีกลิ่นตัวในวัยรุ่น ซึ่งแก้ไขได้โดยการรักษาความสะอาดของร่างกาย และใช้ สารระงับกลิ่นตัว

วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2556

ใส่ใจวัยใส

ใส่ใจวัยใส
คุณพ่อ คุณแม่หลายๆ คนที่มีลูกในช่วงวัยใส คงจะวุ่นวายใจและบางครั้งอาจจะรู้สึกยุ่งยากใจในการเลี้ยงดูลูกมากที่เดียว วัยใส หรือ วัยรุ่น เป็นวัยที่มีการเปลี่ยนแปลงทางสภาพร่างกาย การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ซึ่งวัยนี้มีอารมณ์เปลี่ยนแปลงได้หลายรูปแบบ ซึมเศร้า วิตกกังวล ก้าวร้าวรวมทั้งอารมณ์ทางเพศซึ่งเป็นไปตามอารมณ์ตามธรรมชาติรวมทั้งการเปลี่ยนแปลงของจิตใจเนื่องจากมีความคิดความอ่านได้ลึกซึ้งมากขึ้น สังเกตตนเอง สิ่งแวดล้อม เพื่อนๆ ทำให้วัยรุ่นต้องการค้นหาเอกลักษณ์ของตนเองในด้านต่างๆ รวมทั้งเกิดความต้องการเป็นอิสระ ติดกลุ่มเพื่อนมากขึ้นอาจดูเหมือนเรียกร้องเอาแต่ใจตนเอง ทั้งนี้เพราะวัยรุ่นยังไม่ค่อยรู้จักความพอดี ไม่รู้จักประนีประนอม ซึ่งปัญหาต่างๆของวัยใสที่มักจะทำให้คุณพ่อ คุณแม่ยุ่งยากใจ เช่นปัญหาทางเพศ การมีแฟนในวัยเรียน การมีเพื่อนต่างเพศไม่เหมาะสม การมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียน การตั้งครรภ์ในวัยรุ่น การทำแท้ง การติดโรคทางเพศสัมพันธ์ ความเบี่ยงเบนทางเพศหรือรักร่วมเพศการใช้โทรศัพท์-อินเตอร์เน็ตนาน ดื้อ เกเร ก้าวร้าว ใช้สารเสพติด ไม่ตั้งใจเรียน หนีเรียน หนีออกจากบ้าน ขาดความรับผิดชอบ ขโมย พูดปด อารมณ์หงุดหงิด ขึ้นๆ ลงๆ การพนัน หมกหมุ่นในเรื่องความอ้วน ความสวยความงาม ทำให้เกิดปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่และวัยรุ่นได้
จากปัญหาต่างๆ ข้างต้นจะเห็นได้ว่าวัยใส หรือวัยรุ่นจำเป็นต้องมีผู้คอยดูแลอาใจใส่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พ่อ-แม่ที่ให้กำเนิดเขาขึ้นมา ที่จะต้องตอบสนองต่อความต้องการของเขา สิ่งที่วัยใส หรือ วัยรุ่น ต้องการจากพ่อ-แม่ อาทิ
วัยรุ่นต้องการ...ความรัก พ่อแม่ทุกคนควรจำไว้ว่า “ การฆ่าคนด้วยวิธีการที่เลือดเย็นมากที่สุด คือ การไม่รักและการไม่แสดงออกซึ่งความรัก ” พ่อแม่ต้องยอมรับลูกในสภาพที่ลูกเป็น ทั้งในเรื่องที่น่าเศร้าและเรื่องที่น่ายินดี ความรักของพ่อและแม่ควรเป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไข ไม่นึกรังเกียรติเดียดฉันท์ หรือคอยตำหนิติเตียนลูกอยู่ตลอดเวลาแต่ควรชื่นชมในตัวลูกและพยายามชมเชยให้เขาเห็นคุณค่าในตัวเอง แค่ลูกสามารถสัมผัสถึงความรักความห่วงใยของพ่อและแม่
วัยรุ่นต้องการ … ความเข้าใจ พ่อแม่ต้องตระหนักว่ายามที่ลูกทำผิดเขาต้องการความรักความเข้าใจมากกว่าการซ้ำเติมเมื่อลูกทำผิดทั้งโดยตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจก็ตามเขาจะมีความกลัวถูกตำหนิเป็นทุนเดิมอยู่ในใจ หากพ่อแม่สำทับไปด้วยความเกรี้ยวกราด การดุด่าว่ากล่าวอย่างฉุนเฉียว เขาจะรู้สึกว่าไม่มีใครที่เข้าใจเห็นใจและปลอบประโลมเขา เขาจะรู้สึกหวาดกลัวในที่สุดก็จะเกิดความไม่มั่นคงใจจิตใจ หวาดหวั่นเกรงว่าจะไม่ได้รับการให้อภัย จนกลายเป็นคนที่เงียบขรึมไม่กล้าเปิดเผยความในใจ หรือ มี พฤติกรรมโกหก ก้าวร้าวและอาจนำไปสู่การเกลียดชังพ่อแม่ในที่สุด
วัยรุ่นต้องการ … เวลา พ่อแม่บางคนอาจจะอ้างว่าเหนื่อยจากงาน อยากพักผ่อนไม่ให้ลูกมากวนใจหากตนเองไม่ว่างก็ไม่สนใจลูก พ่อแม่ควรเป็นคนที่ยินดีเมื่อลูกเข้ามาหา แบ่งเวลาให้กับลูกเสมอ ต้องแสดงออกอย่างกระตือรือร้นในการเห็นความสำคัญของลูก แม้ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
วัยรุ่นต้องการ … การให้เกียรติ พ่อแม่พึงตระหนักว่า “ ลูกไม่ใช่ดินน้ำมันที่พ่อแม่อยากจะปั้นให้เขาเป็นอะไรก็ได้ตามใจชอบความสนใจที่แตกต่างไปจากพ่อแม่เสมอ ” พ่อแม่ควรเปิดโอกาสให้ลูกได้แสดงความคิดเห็น และเรียนรู้ที่จะให้เกียรติในความแตกต่างในตัวเขา ไม่ควรนำไปเปรียบเทียบกับคนอื่น พ่อแม่ควรสนับสนุนให้ลูกได้ใช้สิ่งที่ดีที่สุดถนัดที่สุดในชีวิตของเขา เพื่อให้เขาได้เรียนรู้ที่จะเชื่อมั่นในการตัดสินใจของตนเอง โดยที่ไม่พยายามไปบังคับให้ลูกต้องเป็นอย่างที่พ่อแม่อยากให้เป็น
วัยรุ่นต้องการ … แบบอย่างชีวิตที่ดี วัยรุ่นมักจะมีความชื่นชมและเลียนแบบบุคคลที่เขาชื่นชอบและประทับใจพ่อแม่จึงควรชี้แนะให้ลูกเข้าใจในวิถีชีวิตบุคคลที่เขาชื่นชมและเลียนแบบ และที่สำคัญถึงพ่อแม่จะพร่ำสอนในสิ่งที่ดีเพียงใดก็ตาม แต่ลูกจะเลียนแบบชีวิตของพ่อแม่มากกว่าการทำตามคำพร่ำสอน ดังนั้นพ่อแม่ควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก
วัยรุ่นต้องการ … การชี้ผิดชี้ถูกอย่างมีเหตุผล พ่อแม่ควรสอนให้วันรุ่นให้รู้ผิด รู้ถูกด้วยเหตุผลไม่ใช่การออกคำสั่งด้วยอารมณ์ โยตระหนักว่าเขาต้องการความเข้าใจและเขาต้องตอบตัวเองได้ว่าเหตุใดเขาจึงทำสิ่งนี้ได้และเหตุใดเขาจึงทำสิ่งนี้ไม่ได้ จะทำให้เขาสามารถเรียนรู้ที่จะแยกแยะความผิดและสามารถตัดสินใจได้ด้วยตนเองอย่างมีเหตุผล
จากการต้องการดังกล่าว พ่อแม่จึงควรมีเทคนิคที่เหมาะสมกับการดูแลวัยรุ่น คือ
1. รับฟังความคิดเห็น เหตุผล ให้มองโลกในแง่ดี และหาข้อดีในความคิดและเหตุผลของวัยรุ่นทั้งๆ ที่อาจไม่ตรงกับความคิดเห็นและเหตุผลพ่อแม่ก็ตาม
2. ส่งเสริมความคิด การตัดสินใจ และพฤติกรรมที่ดีของเขาให้ชัดเจน เด่นชัด
3. หลีกเลี่ยงการบังคับตรงๆ โดยเสนอแนะทางออกแบประนีประนอม โดยที่วัยรุ่นมีส่วนร่วม
4. เปิดโอกาสให้ทดลอง หัดทำ ฝึกฝนจนเกิดทักษะภายใต้ขอบเขตที่เหมาะสมของการกระทำของเขา
5. ยอมรับในข้อบกพร่องและความผิดพลาด ให้โอกาสแก้ตัวใหม่ภายใต้ขอบเขตที่เหมาะสม
6. เพิ่มคุณภาพการสื่อสาร 2 ทางในครอบครัว และเรียนรู้ที่จะแสดงความเข้าใจในความคิด ค่านิยม ความชอบและอิทธิพลของกระแสวันรุ่น เพื่อจะส่งเสริมทำให้สื่อสารกับวัยรุ่นมากขึ้น
เทคนิคที่ไม่เหมาะสมกับการดูแลวันรุ่น คือ
1. จู้จี้ขี้บ่น จุกจิก จ้องจับผิด
2. ไม่รับฟังเหตุผล หรือความทำท่าฟังแต่ไม่ใส่ใจ ยึดความคิดเห็นของผู้ใหญ่เพราะเห็นว่าตัวเองสำคัญกว่า มาประสบการณ์มากกว่า
3. ใช้อำนาจ บังคับตรงๆ
4. ลงโทษรุนแรง หรือทำให้อับอาย เสียหน้า หรือประจานความผิด หรือความคิดเห็นอาจไม่ดีเท่าไรต่อหน้าคนอื่น ทำให้เกิดความรู้สึกอับอาย
5. ลงโทษไม่รู้จักจบ ยังพูดถึงความผิดเดิมๆ ซ้ำซากหรือฝังใจในความผิดพลาดว่าทำผิดซ้ำอีก
การที่พ่อแม่เรียนรู้และสามารถปรับตัว ปรับเทคนิควิธีการที่ใช้ให้เหมาะสมกับวัยของวัยรุ่นเพื่อเพิ่มคุณภาพการสื่อสาร รวมทั้งคาดหวังความรับผิดชอบจากวัยรุน ภายใต้บรรยากาศที่อบอุ่น มีความรัก ให้โอกาสฝึกฝน ทั้งที่กล่าวมาจะช่วยทำให้พ่อแม่พัฒนาวัยใส หรือ วัยรุ่นที่ให้อยู่ในทิศทางที่เหมาะสม และวัยรุ่นเองก็สามารถใช้พลังงานที่มีอยู่มากมาพัฒนาความสามารถของตนเองต่อไป และสามารถเกื้อกูลคนข้างในทางที่สร้างสรรค์ได้
พันธ์ทิพย์ โกศัลวัฒน์
พยาบาลวิชาชีพ
แหล่งที่มา : บทความสุขภาพจิต โรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์

วันศุกร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2556

ลักษณะปกติของประจำเดือน



จากวงรอบของการมีประจำเดือน และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในดัง กล่าวโดยสรุปได้ว่าประจำเดือน ปกติมีลักษณะดังต่อไปนี้

  1. วงรอบของการมีประจำเดือนโดยเฉลี่ยประมาณ 28 วัน แต่ระยะไม่น้อย หรือมากกว่า 7 วันก็จัดว่าปกติ
  2. ระยะเวลาของการมีประจำเดือนประมาณ 3-5 วัน ไม่ควรน้อยหรือมาก กว่า 3 วัน และไม่ควรเกิน 7 วัน
  3. ปริมาณของเลือดประจำเดือน ประมาณวันละ 100-150 ลูกบาศก์เซนติ เมตร จะมีประจำเดือนออก มากในวันที่ 1-2 และค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ จนหมด
  4. ลักษณะของเลือดประจำเดือน จะมีลักษณะเฉพาะแตกต่างจากเลือดธรรมดา เลือดที่เป็นของเหลวไม่ จับตัว กันเป็นก้อน วันแรกจะเป็นสีแดงค่อนข้างสด วันต่อๆไปจะมีสีคล้ำเปลี่ยนเป็นน้ำตาลแล้วจาง ไปเรื่อยๆ จน หมด
  5. อาการที่เกิดร่วมกับการมีประจำเดือน ได้แก่ อาการปวดท้องบริเวณท้องน้อย เราควรรับประทาน ยาแก้ ปวดก็หาย ใน 1-2 วัน ก่อนมีประจำเดือนอาจมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดหลัง คัดหน้าอกปัสสาวะ บ่อย เพลีย หงุดหงิด หรืออาจมีช้ำเลือดฝอยอาการเหล่านี้มักไม่รุนแรงและหายไปได้เอง

ลักษณะและอาการอื่นๆ ที่เกิดขึ้นนอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้ว จัดว่าเป็นอาการผิดปกติทั้งสิ้น การแก้ไขอาการ ผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น ควรไปปรึกษาแพทย์ เพื่อรับการตรวจวิจัยฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง


ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการมีประจำเดือน
แม้ว่าในขณะนี้เรากำลังอยู่ในโลกที่มีความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาสตร์และเทคโนโลยีสูงมาก แต่ก็ยังมีคนอีก เป็นจำนวนมากที่ยังมีความเชื่อผิดๆ หรือความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการมีประจำเดือน ความเชื่อผิดๆ เหล่านั้น ได้แก่
เชื่อว่าห้ามสระผมในระหว่างการมีประจำเดืือน การมีประจำเดือนเป็นการเจ็บ ป่วยอย่างหนึ่งซึ่งเป็นความเจ็บป่วยตามธรรมชาติ

การออกกำลังกายทุกอย่างในระหว่างการมีประจำเดือนเป็นสิ่งที่อันตราย ดังนั้น สิ่งที่ดีที่สุด คือ การนอนพักมากๆ ห้ามตกแต่งทรงผมในระหว่างการมีประจำเดือน หรือถ้ามีอาการปวดฟันในระหว่างการมีประจำเดือน อาการปวดฟันนั้นจะรุนแรงขึ้น เป็นต้น ความเชื่อหรือความเข้าใจเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และเป็นเรื่องเหลว ไหลทั้งสิ้น

วันจันทร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2556

สูตรลดความอ้วนพระราชทาน ของสมเด็จพระเทพฯ สูตร 13 วัน

สูตรลดความอ้วนพระราชทาน ของสมเด็จพระเทพฯ สูตรที่ 2

 

แล้วก็อีกสูตรคะ สำหรับคนที่อยากรีเซ็ตร่างกายและน้ำหนักให้คงที่และไม่กลับมาอ้วนคะ
โครงการควบคุมอาหาร 13 วัน
จุดประสงค์โครงการนี้ เพื่อปรับปรุงการเผาผลาญอาหารของร่างกายหลังจากครบ 13 วันแลัวจะรับประทานอาหารได้ตามปกติ น้ำหนักจะไม่ขึ้นเป็นเวลา 2 ปี

ข้อสำคัญ
หากทำตามตารางนี้อย่างเคร่งครัดจะลดน้ำหนักได้ประมาณ 7-20 กิโลกรัม ปริมาณอาหารในช่วงควบคุมจะไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย แต่ท่านไม่ต้องกังวลว่าจะทำให้เสียสุขภาพเพราะส่วนที่ขาดภายในร่างกายจะทำ ปฏิกิริยาการเผาผลาญไขมันที่สะสมไว้ตามร่างกายมาใช้เป็นพลังงานทดแทน
ระยะเวลา 13 วันนี้ ห้ามดื่มเบียร์ ไวน์ สุรา ขนมหวาน หมากฝรั่ง ลูกอม หรืออาหารอื่นๆ แม้เพียงเล็กน้อย การควบคุมอาหารครั้งนี้จะไม่บังเกิดผลใดๆ เลย และถ้าจะเริ่มต้นใหม่ต้องทำการทำหลังจาก 3 เดือนไปแล้ว
ขอแสดงความยินดีกับทุกท่านที่สามารถควบคุมได้ครบ 13 วัน ท่านจะเป็นผู้ที่มีรูปร่างสมส่วนตามที่ต้องการ และถ้าต้องการควบคุมอีกต้องหลังจาก 1 ปี ไปแล้ว แต่ถ้าเลย 2 ปี ไปแล้วจะดีที่สุด

ข้อแนะนำ
หากคุณรู้สึกหิวนอกเหนือจากเวลาที่กำหนดให้ดื่มน้ำมาก ๆ ห้ามดื่มหรือทานอาหารอย่างอื่นแทน

หมายเหตุ
- ผักต้มถ้าใช้ผักขมไทยได้จะดี (ใช้ผักกาดขาวหรือกวางตุ้งแทนได้)
- มะเขือเทศผลใหญ่ 1 ผล ถ้าผลเล็กใช้ 3 ผล
- เนื้อไก่อบ ใช้เนื้อสันหรือเนื้อหน้าอกไม่ติดหนัง 2 ขีด
- ผักสลัดใช้ผักกาดหอม 1 ต้นเล็ก หอมใหญ่ 1 หัว แตงกวา 2 ลูกหั่นรวมได้ผัก 1 จาน
- น้ำสลัดใส ใช้ 1 ถ้วย ( 3-4 ช้อนโต๊ะ หรือใช้น้ำสลัดน้ำข้นแทนก็ได้)
- น้ำมะนาวใช้มะนาวสด 1-2 ผล ชงน้ำร้อนใส่เกลือ ใส่น้ำแข็งดื่มได้
- โยเกิร์ตถ้ามีรสจืดจะดีมาก ถ้าหาไม่ได้เลือกตามรสที่ชอบ
- ผลไม้สด 1 ผล เช่น แอปเปิ้ล ชมพู่ มะม่วง ส้มเขียวหวาน กล้วย
- ใช้ปลาช่อนแทนปลากระพงก็ได้
- น้ำเปล่าดื่มได้ทั้งวัน วันละ 2 - 3 ลิตร
นอกเหนือจากรายการอาหารนี้ถ้าหิวให้ดื่มน้ำเปล่าแทนได้อย่างเดียว



สูตรลดน้ำหนัก ภายใน 13 วัน ลดน้ำหนัก 13 กิโลกรัม
วันที่ 1
อาหารเช้า - กาแฟดำ 1 ถ้วย (น้ำตาล 1 ก้อน)
อาหารเที่ยง - ไข่ต้มแข็ง 2 ฟอง ผักกาดต้ม 3 ขีด มะเขือเทศ 1 ผล
อาหารเย็น - เนื้อไก่อบ 2 ขีด ผักสลัดน้ำใส น้ำมะนาว
วันที่ 2
อาหารเช้า - กาแฟดำ 1 ถ้วย (น้ำตาล 1 ก้อน)
อาหารเที่ยง - เนื้อหมูอบ 2.5 ขีด โยโกิร์ต 1 ถ้วย
อาหารเย็น - เนื้อไก่อบ 2 ขีด ผักสลัดน้ำใส น้ำมะนาว ผลไม้สด 1 ผล
วันที่ 3
อาหารเช้า - กาแฟดำ 1 ถ้วย (น้ำตาล 1ก้อน) ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
อาหารเที่ยง - ไข่ต้มแข็ง 2 ฟอง เนื้อหมูอบ 1 ขีด ผักสลัดน้ำใส น้ำมะนาว
อาหารเย็น - คื่นไช่ต้มสุก 3 ขีด มะเขือเทศ 1 ผล ผลไม้สด 1 ผล
วันที่ 4
อาหารเช้า - กาแฟดำ 1 ถ้วย (น้ำตาล 1ก้อน) ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
อาหารเที่ยง - น้ำส้มคั้น 1 แก้ว โยโกิร์ต 1 ถ้วย
อาหารเย็น - ไข่ต้มแข็ง 1 ฟอง แครอทสด 1 หัว นมรสจืด 1 กล่อง
วันที่ 5
อาหารเช้า - แครอทสด 1 หัว ราดด้วยน้ำมะนาว (ส้มตำ)
อาหารเที่ยง - เนื้อปลากะพงนึ่ง 2 ขีด
อาหารเย็น - เนื้อไก่อบ 2 ขีด ผักสลัดน้ำใส
วันที่ 6
อาหารเช้า - กาแฟดำ 1 ถ้วย (น้ำตาล 1ก้อน) ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
อาหารเที่ยง - ไข่ต้มแข็ง 2 ฟอง แครอทสด 1 หัว
อาหารเย็น - เนื้อไก่อบ 2 ขีด ผักสลัดน้ำใส น้ำมะนาว
วันที่ 7
อาหารเช้า - ชา 1 ถ้วย ไม่ใส่น้ำตาล ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
อาหารเที่ยง - น้ำเปล่าอย่างเดียว
อาหารเย็น - เนื้อหมูอบ 2 ขีด ผลไม้สด 1 ผล
วันที่ 8
อาหารเช้า - กาแฟดำ 1 ถ้วย (น้ำตาล 1ก้อน)
อาหารเที่ยง - ไข่ต้มแข็ง 2 ฟอง ผักกาดต้ม 3 ขีด มะเขือเทศ 1 ผล
อาหารเย็น - เนื้อไก่อบ 2 ขีด ผักสลัดน้ำใส น้ำมะนาว
วันที่ 9
อาหารเช้า - กาแฟดำ 1 ถ้วย (น้ำตาล 1 ก้อน)
อาหารเที่ยง - เนื้อหมูอบ 2 ขีด โยโกิร์ต 1 ถ้วย
อาหารเย็น - เนื้อไก่อบ 2 ขีด ผักสลัดน้ำใส น้ำมะนาว
วันที่ 10
อาหารเช้า - กาแฟดำ 1 ถ้วย (ไม่ใส่น้ำตาล) ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
อาหารเที่ยง - ไข่ต้มแข็ง 2 ฟอง เนื้อหมูอบ 1 ขีด ผักสลัดน้ำใส น้ำมะนาว
อาหารเย็น - คื่นไช่ต้มสุก 3 ขีด มะเขือเทศ 1 ผล ผลไม้สด 1 ผล
วันที่ 11
อาหารเช้า - กาแฟดำ 1 ถ้วย (น้ำตาล 1 ก้อน) ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
อาหารเที่ยง - น้ำส้มคั้น 1 แก้ว โยโกิร์ต 1 ถ้วย
อาหารเย็น - ไข่ต้มแข็ง 1 ฟอง แครอทสด 1 หัว นมรสจืด 1 กล่อง
วันที่ 12
อาหารเช้า - แครอทสด 1 หัว ราดด้วยน้ำมะนาว
อาหารเที่ยง - เนื้อปลากะพงนึ่ง 2 ขีด (นึ่งด้วยน้ำมะนาว ใส่คื่นไช่ 1 ต้น)
อาหารเย็น - เนื้อไก่อบ 2 ขีด ผักสลัดน้ำใส
วันที่ 13
อาหารเช้า - กาแฟดำ 1 ถ้วย (น้ำตาล 1ก้อน) ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
อาหารเที่ยง - ไข่ต้มแข็ง 2 ฟอง แครอทสด 1 หัว
อาหารเย็น - เนื้อไก่อบ 2 ขีด ผักสลัดน้ำใส น้ำมะนาว

สาวๆ ที่อยากมีหุ่นที่สวย ลองนำสูตรเด็ดๆ พระราชทานนี้ไปทำกันดูนะค่ะ ได้ผลดีทันตาเห็นอย่างไร ก็อย่าลืมบอกต่อ รายงานผลให้เพื่อนๆ ได้อิจฉาด้วยนะค่ะ Sanook!Women เอาใจช่วยให้ผู้หญิงทุกคน สวยและสุขภาพ(หุ่น)ดี ค่ะ ^^

ขอบคุณภาพประกอบ : http://www.photos.com/

วันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2556

สูตรลดความอ้วนพระราชทาน ของสมเด็จพระเทพฯ สูตร 7 วัน

สูตรลดความอ้วนพระราชทาน ของสมเด็จพระเทพฯ
         
             วันนี้จะมาแนะนำอีกหนึ่งสูตรลดน้ำหนักดีๆ เป็นสูตรลดน้ำหนักพระราชทานและ เป็นสูตรลดน้ำหนักของสมเด็จพระเทพฯ อีกด้วยค่ะ คุณผู้หญิงทั้งหลายที่เคยได้ยิน สูตรลดน้ำหนักพระราชทานกันมาบ้างแล้ว แต่ยังไม่เคยเห็นสูตรลดน้ำหนักพระราชทาน แบบเต็ม ๆ สักที วันนี้เราก็นำสูตรลดน้ำหนักพระราชทานมาบอกกล่าวกันแล้วนะค่ะ

มีสูตรลดน้ำหนักด้วยกัน 2 สูตรค่ะ สูตรลดน้ำหนัก สูตรแรกจะเป็นแบบ 1 อาทิตย์ แต่สามารถลดน้ำหนักได้ถึง 9 กิโลกรัม ด้วยกัน ส่วนสูตรลดน้ำหนัก สูตรที่สองจะเป็นแบบ 13 วัน แต่สามารถลดน้ำหนักได้ถึง 7-20 กิโลกรัม ด้วยกันค่ะ เอาเป็นว่าใครอยากลองลดน้ำหนักให้ได้เยอะ ๆ ก็ลองนำไปปฏิบัติกันดูนะค่ะ
 

ก่อนอาหารต้องดื่มน้ำอย่างน้อย 2 แก้ว งดน้ำตาล น้ำมันหมู แอลกอฮอล ของทอดทุกชนิดด้วยนะค่ะ

วันที่ 1 เช้า น้ำผลไม้คั้น หรือโยเกิร์ต 1 ถ้วย
กลางวัน ไข่ต้ม 2 ฟอง
เย็น สลัดผัก


วันที่ 2 เช้า น้ำผลไม้คั้น หรือโยเกิร์ต 1 ถ้วย
กลางวัน ไข่ต้ม 2 ฟอง
เย็น สลัดผัก


วันที่ 3 เช้า กาแฟไม่ใส่น้ำตาล หรือโยเกิร์ต 1 ถ้วย
กลางวัน เกาเหลาลูกชั้น 1 ชาม(หมู, เนื้อ)
เย็น สลัดผัก


วันที่ 4 เช้า น้ำผลไม้คั้น หรือกาแฟดำและขนมปัง 1 แผ่น
กลางวัน สลัดผัก และไก่ยาง 1 ชิ้น
เย็น โยเกิร์ต 1 ถ้วย


วันที่ 5 เช้า น้ำผลไม้คั้น หรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1
กลางวัน ส้มตำ และไก่ย่าง 1 ชิ้น
เย็น สลัดผัก


วันที่ 6 เช้า น้ำผลไม้คั้น หรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วย
กลางวัน ปลานึ่ง หรือ ปลาเผา ไม่จำกัด
เย็น สลัดผัก


วันที่ 7 เช้า ข้าว 1 ทัพพี และเนื้อ 1 ชิ้น หรือไข่ต้ม 1ฟอง
กลางวัน เกาเหลาลูกชั้น 1 ชาม (หมู, เนื้อ)
เย็น สับปะรด 1 ชิ้น


วันอังคารที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2556

วิธีการเลือกสปอร์ตบราสำหรับคุณผู้หญิง ให้ดีต่อสุขภาพ

วิธีการเลือกสปอร์ตบราสำหรับคุณผู้หญิง ให้ดีต่อสุขภาพ



ความจริงเรื่องนี้ผมก็ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญหรอกนะ แต่พอดีไปอ่านเจอมา เลยนำมาแนะนำให้คุณผู้หญิงที่ต้องการดูแลสุขภาพ ด้วยการออกกำลังกาย แต่ยังไม่มีชุดแต่งกายที่พร้อม เลยขอนำทริปการเลือกสปอร์ตบราสำหรับคุณผู้หญิงมาฝาก เพื่อให้สาวๆได้ออกกำลังกายอย่างเต็มที่ ไม่ต้องกังวลเรื่องสริระร่างกาย
เลือกดีๆ มีชัยไปกว่าครึ่ง
1. ใส่สบาย ไม่อับชื้น ควรเลือกแบบที่สามารถระบายความชื้นจากเหงื่อได้เร็ว ทำให้ผู้สวมใส่รู้สึกแห้งสบายตัว เช่น ผ้า coolmax หรือ dri-fit ไม่ควรทำจากผ้าฝ้าย 100% เพราะอมเหงื่อมาก

2. เลือกขนาดให้พอดี เลือกใส่ตัวที่พอดี หากบรารัดเข้าเนื้อแสดงว่าคับไป จะทำให้อึดอัดออกกำลังกายได้ไม่เต็มที่ หากเนื้อผ้าย่นๆ แสดงว่าหลวมไป ซึ่งเวลาออกกำลังอาจจะทำให้ไม่มั่นใจได้ สปอร์ตบราที่ใส่พอดีคือตัวที่ใส่ไปแล้วเอานิ้วสอดได้ซัก 2 นิ้ว

3. ระวังตะเข็บ ควรเลือกสปอร์ตบราแบบไม่มีตะเข็บ หรือแบบซ่อนตะเข็บในเนื้อผ้าอีกที เพื่อป้องกันการเสียดสี

4. เลือกสายใหญ่ๆสำหรับคน Big Size เลือกตัวที่สายๆใหญ่ๆหน่อย จะได้สามารถพยุงทรงได้ดีขึ้น

5. ลองใส่แล้วออกกำลังกายนิดๆหน่อยๆดู ลองขยับซ้ายขยับขวา กระโดดเบาๆหรือวิ่งเหยาะๆดู สปอร์ตบราที่ดีจะต้องช่วยลดการกระเพื่อมของหน้าอก

6. รู้เวลาปลดระวาง สปอร์ตบราควรเปลี่ยนเมื่อซักไปแล้วประมาณ 72 ครั้ง ก็พอ

เมื่อได้บราคู่ใจแล้ว สาวๆก็เตรียมตัวออกกำลังกายได้อย่างมั่นใจ เพื่อชะลอความแก่ และ ดูแลสุขภาพของตัวเอง

วันอังคารที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2556

ปัจจัยที่ก่อให้เกิดโรคเอดส์




โรคเอดส์ไม่ติดกันได้ง่ายๆ ปัจจัยที่ทำให้ติดเชื้อเอดส์มีหลายประการ คือ ปริมาณเชื้อ
เอดส์ หากได้รับเชื้อมาก โอกาสติดโรคก็มากไปด้วย เชื้อเอดส์มีมากที่สุดในเลือด รองลง
มาคือ น้ำอสุจิ และน้ำในช่องคลอด การมีบาดแผล เพราะเชื้อจะเข้าสู่ร่างกายทางบาดแผล
ทำให้ติดโรคได้ง่ายขึ้น การติดเชื้ออื่นๆ ได้แก่ การเป็นกามโรคบางชนิด เช่น แผลริมอ่อน แผลเริม ทำให้มีเม็ดเลือดขาวอยู่ ที่แผลจำนวนมาก พร้อมจะรับเชื้อได้โดยง่าย และเป็น
หนทางให้เชื้อเอดส์เข้าสู่แผลได้ง่ายขึ้น จำนวนครั้งของการสัมผัส การสัมผัสเชื้อโรคบ่อย
จะมีโอกาสติดเชื้อมาก
โรคเอดส์ถึงแม้จะเป็นโรคติดต่อทีมีอันตราย แต่ก็ไม่ได้ติดต่อกันง่ายๆ ได้ การติดโรคนั้น ต้องปัจจัยที่เหมาะสม ดังต่อไปนี้
  1. ปริมาณของเชื้อไวรัส ถ้าได้สัมผัสกับสิ่งที่มี
    ปริมาณของเชื้อไวรัสมาก โอกาสติดเชื้อโรคจะ มีมากตามไปด้วย

  1. การมีบาดแผล ผิวหนังปกติจะช่วยปกป้องไม่ให้เชื้อโรคใดๆ ผ่านเข้าสู่ร่างกายได้ หรือมี
    บาดแผลจะเป็นช่องทางให้เกิดการติดเชื้อได้

  1. การติดเชื้ออื่นๆ ได้แก่ การเป็นกามโรคบางชนิด เช่น แผลริมอ่อนเริ่ม ก็จะช่วยให้เชื้อไวรัส เอดส์เข้าสู่ทางบาดแผลได้ง่ายขึ้น

  1. ความถี่ของการสัมผัส เช่น การร่วมเพศ หรือการฉีดสารเสพติด โอกาสติดเชื้อไวรัสเอดส์ ย่อมมีมากกว่าผู้ที่ทำเพียงครั้งเดียว

  1. ระยะเวลาที่ไปสัมผัสหรือภาวะภูมิต้านทานของร่างกาย ถ้าผู้ไปสัมผัสกับผู้ติดเชื้อร่างกาย อ่อนแอ ไม่แข็งแรงก็จะมีโอกาสติดเชื้อง่าย