วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2555

ทำไมกินน้ำเย็นถึงไม่ดี?

ทำไมกินน้ำเย็นถึงไม่ดี?




วันนี้มาอัพเดทเวปหลังจากไม่ค่อยมีเวลามาอัพเดทเลยครับ พอดีมีคนใกล้ตัวสงสัยขึ้นมาว่า "ทำไมการดื่มน้ำเย็นถึงเป็นอันตราย"

อากาศเมืองไทยมันร้อนเนอะ เวลาทานข้าวก็ข้าวก็อยากจะทานน้ำเย็นๆ เพื่อดับกระหาย แต่การดื่มน้ำเย็นมันก็มีผลเสียต่อร่างกายจริงๆสาเหตุหลักๆก็เพราะ ร่างกายของคนเรามีอุณหภูิมิที่เหมาะสมอยู่ที่ 32 องศาเซลเซียส แต่น้ำเย็นอุณภูมิมันต้องต่ำกว่า 32 องศาแน่ๆ ไม่งั้นเราคงไม่รู้สึกเย็นหรอก


ทีนี้ในระบบการย่อยอาหารของคนเราเนี่ย จะมีการหลั่งสารคัดหลั่งออกมาจำพวกเอ็นไซม์เพื่อย่อยอาหาร ซึ่งสารเหล่าเนี่ยะ มันออกแบบออกมาให้ทำงานได้ดีกับอุณหภูมิปกติของร่างกายของเรา ซึ่งอุณหภูมิต่ำๆเนี่ย มันดันไปลด activity(การทำงาน)ของเอนไซม์ที่จะมาย่อยอาหารเหล่านี้ทำให้การย่อยไม่ดี นอกจากนี้ในระบบทางเดินอาหารของเราเนี่ยยังประกอบด้วยกล้ามเนื้อต่างๆอีกด้วย กล้ามเนื้อพวกนี้ถ้าได้รับความเย็นจากน้ำเย็นๆก็จะทำให้เกิดอาการชา (เหมือนเวลาหน้าหนาวที่อากาศหนาวจัดๆปลายนิ้วมือนิ้วเท้าจะชาๆ จากความเย็น)และทำให้เกิดการบีบตัว คลุกเคล้าอาหารที่จะทำการย่อยได้ไม่ดีก็เป็นปัญหาในระบบทางเดินอาหารอีกเช่นกัน

ปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือ ทำให้ท้องอืดท้องเฟ้อ ระบบการย่อยไม่ดี และอาจทำให้เกิดเป็นโรคกรดไหลย้อนได้อีกด้วย

ดังนั้น พวกเราทั้งหลาย ก็ดื่มน้ำเย็นให้มันน้อยๆลงซักนิด เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น แต่ผมก็กินน้ำเย็นอยู่บ้างนะ ของอย่างงี้มันห้ามกันยากเนอะ เอาเป็นว่าคราวหน้าผมจะมาอัพเืดทบทความใหม่ๆ บ่อยๆนะครับ ขอบคุณที่ติดตามกันทุกคนครับ

วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2555

ทานอย่างไรให้ชะลอแก่ - โปรตีน 2 ทานโปรตีนอย่างไรให้ชะลอแก่

ทานอย่างไรให้ชะลอแก่ - โปรตีน 2 ทานโปรตีนอย่างไรให้ชะลอแก่



ทานอย่างไรให้ชะลอแก่ - โปรตีน 1 : โปรตีนคืออะไร มีความสำคัญอย่างไร
เรารู้ถึงความสำคัญของโปรตีนไปแล้วที่นี้เรามาดูกันว่าเราควรเลือกทานโปรตีนอย่างไรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าโปรตีนจะอุดมอยู่ในอาหารประเภทเนื้อนมไข่ และถ้ามาจากพืชก็จะเป็นพืชตระกูลถั่ว ร่างกายของคนเราจะต้องการโปรตีนไม่เท่ากัน โดยจะขึ้นอยู่กับวัย และสภาพร่างกาย โดย
ในเด็กเล็ก 1- 5 ปีจะต้องการโปรตีน 1.4 กรัมต่อน้ำหนักตัวต่อวัน หมายความว่า ถ้าเด็กน้ำหนัก 10 กิโลกรัม ก็จะต้องการโปรตีน 14 กรัมต่อวัน เนื่องจากต้องการโปรตีนปริมาณมากในการสร้างเนื้อเยื่อต่างๆของร่างกาย
เด็กวัย 6-15 ปีจะต้องการโปรตีน 1.2 กรัมต่อน้ำหนักตัวต่อวัน
วัยรุ่น 15-18 ปีจะต้องการโปรตีน 1.1 กรัมต่อน้ำหนักตัวต่อวัน
ส่วนผู้ใหญ่ทั่วไปต้องการโปรตีน 1.0 กรัมต่อน้ำหนักตัวต่อวัน
สำหรับหญิงมีครรภ์จะต้องการโปรตีน 1.0 กรัมต่อน้ำหนักตัวต่อวัน แล้ว+เพิ่มอีก 25 กรัม เช่น ถ้าหญิงคนนั้นน้ำหนักตัว 50 กิโลกรัม จะต้องการโปรตีน 50 + 25 = 75 กรัมต่อวัน

ทีนี้เราจะมาคำนวนกันคร่าวๆ
ถ้าเรารับประทานเนื้อสัตว์เป็นแหล่งโปรตีนอย่างเดียว
เนื้อสัตว์ 1 กิโลกรัมจะประกอบด้วยน้ำ 75% แสดงว่าเป็นส่วนที่เป็นเนื้อ 25% หรือก็คือ 250 กรัม
เมื่อแยกส่วนที่เป็นไขมันและกากออกแล้ว จะเหลือโปรตีนอยู่ประมาน 100 กว่ากรัมเท่านั้น ซึ่งเมื่อย่อยแล้วจะได้กรดอะมิโนที่จำเป็นประมาณ 37-50 กรัมเท่านั้น

หมายความว่าชายไทยคนหนึ่งน้ำหนักตัว 70 กิโลกรัมถ้าทานเนื้อสัตว์เป็นแหล่งโปรตีนเพียงอย่างเดียวจะต้องทานเนื้อสัตว์วันละประมาณ 1.2-2 กิโลกรัม เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวัน

ดังนั้นเราจึงควรบริโภคโปรตีนจากแหล่งอื่นๆเพิ่มเติมด้วย

นอกจากนี้แหล่งโปรตีนจากแหล่งใดแหล่งหนึ่งก็จะมีกรดอะมิโนที่จำเป็นไม่ครบอีกด้วย เช่น ถ้าบริโภคโปรตีนจากพืชตระกูลถั่วอย่างเดียวก็จะทำให้ขาดกรดอะมิโนจำเป็นบางชนิดเช่น เมไธโอนีน ซึ่งจะก่อโรคชนิดหนึ่งซึ่งคนที่ไม่รับประทานเนื้อสัตว์จะเป็นกัน เนื้อสัตว์แต่ละชนิดก็มีปริมาณกรดอะมิโนที่จำเป็นไม่เหมือนกัน ดังนั้นเวลาเราบริโภคอะไรก็ตามควรจะรับประทานหลายๆอย่างไม่ควรรับประทานอย่างเดียวเพื่อให้ได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วนและเพียงพอต่อร่างกาย เช่นควรรับประทานเนื้อสัตว์หลายๆชนิด ดื่มนมทั้งนมวัว และ นมถั่วเหลือง หรือไม่ถ้าหากไม่สะดวกในการหารับประทานให้ครบ อาหารเสริมก็เป็นทางเลือกหนึ่งได้เหมือนกัน

หากการกินเป็นหนึ่งปัจจัยที่ทำให้สุขภาพดี และเป็นปัจจัยที่ควบคุมง่ายที่สุด ดังนั้นเราควรเริ่มมาสนใจในการบริโภคในชีวิตประจำวันมากขึ้น เพื่อให้มีสุขภาพดี มีความสุขสมบูรณ์และชะลอความแก่ เพื่อให้เป็นหนุ่มสาวกันนานๆ

ทานอย่างไรให้ชะลอแก่ - โปรตีน 1 โปรตีนคืออะไร มีความสำคัญอย่างไร

ทานอย่างไรให้ชะลอแก่ - โปรตีน 1 โปรตีนคืออะไร มีความสำคัญอย่างไร

ทานอย่างไรให้ชะลอแก่ จากที่เราเคยได้ยินมา เราทราบมาตลอดว่าต้องทานอาหารให้ครบ 5 หมู่

อาหารที่ให้สารอาหารประเภทโปรตีน
แต่มันเพียงพอจริงเหรอ?
อาหารหมู่ที่ 1 คือโปรตีน ท่านเชื่อหรือไม่ว่า คนไทยมากกว่า 50% ขาดโปรตีนกันทั้งนั้น
บางคนก็อ้างว่า เมื่อเช้าก็กินกระเพราไก่ไปแล้ว กินไก่ก็มีโปรตีนแล้วนี้ น่าจะพอแล้วนะ
ใช่ เนื้อไก่มีโปรตีนก็จริง แต่มันเพียงพอต่อร่างกายเราป่าวหล่ะ
โปรตีน กับร่างกายของเรา
ร่างกายเรามีโปรตีนเป็นส่วนประกอบเป็นอันดับสองรองจากน้ำ
โดยโปรตีนจะอยู่ในกล้ามเนื้อ เนื้อเยื่อ กระดูก ผิวหนัง เลือด และอื่นๆอีกด้วย โปรตีนเมื่อถูกย่อยที่กระเพราะอาหารและลำไส้เล็กจะได้หน่วยย่อยของโปรตีนก็คือ กรดอะมิโน

กรดอะมิโนมีทั้งหมด 20 ชนิด (ไม่กล่าวชื่อของแต่ละชนิดละกัน เพราะไม่รู้ว่าจะให้จำไปทำไม)ก็แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ กรดอะมิโนจำเป็นและกรดอะมิโนไม่จำเป็น

กรดอะมิโนไม่จำเป็นคือกรดอะมิโนที่ร่างกายเราสามารถสังเคราะห์เองได้ จึงไม่จำเป็นต้องกินเพิ่มเข้าไป
ส่วนกรดอะมิโนจำเป็นก็คือกรดอะมิโนที่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์เองได้ ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องกินเพิ่มเข้าไป

โปรตีนมีความสำคัญต่อร่างกายอย่างไร?
1. โปรตีนทำหน้าที่เป็นโครงสร้างต่างๆของร่างกาย ทั้งกล้ามเนื้อ ผิวหนัง กระดูก เม็ดเลือด ฯลฯ
2. โปรตีนทำหน้าที่ขนส่งสารต่างๆในร่างกาย เช่น ฮีโมโกลบิน ทำหน้าที่จับออกซิเจนแล้วไปส่งไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย
3. โปรตีนเป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เอาง่ายๆก็เม็ดเลือดขาว เป็นโปรตีนที่มีหน้าทีกำจัดเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอม นอกจากนี้ระบบภูมิคุ้มกันต่างๆของร่างกายยังควบคุมด้วยโปรตีน
4. โปรตีนทำหน้าที่รักษาความดันน้ำ (Osmotic Pressure) ภายในร่างกาย ทำให้ไม่เกิดอาการบวมน้ำ
5. โปรตีนช่วยเก็บสารอาหารต่างๆไว้ภายในร่างกาย เช่าน เฟอร์ริติน ช่วยเก็บธาตุเหล็กไว้ในเซลล์เนื้อเยื่อ
6. โปรตีนเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ร่างกายสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ โดยในกล้ามเนื้อมีโปรตีน Actin และ Myosin ช่วยการหดตัวและคลายตัวของกล้ามเนื้อ ทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ

อาการที่เกิดจากการขาดโปรตีน
- เกิดอาการอ่อนเพลีย เช่น ง่วงนอน เพลียช่วงบ่ายๆ
- หลังเท้าบวม จนในที่สุดก็บวมทั้งตัว อาจบวมมากจนมีน้ำในช่องท้องและช่องปอด ทำให้หายใจขัด
- ผิวหนังจะเกรียมเป็นสีดำไหม้ มีรอยแตกตามบริเวณที่ถูกเสียดสี ทำให้แบคทีเรียเข้าสู่รอยแตก
- ผมจะแห้งกรอบ ร่วงง่าย
- เบื่ออาหาร ซึม
- มีการเปลี่ยนแปลงของส่วนประกอบภายในเซลล์ทุกเซลล์ของระบบต่างๆ เมื่อถึงกรณีนี้ แพทย์ก็ไม่สามารถรักษาได้

คราวหน้าเราจะมาต่อว่า เราควรกินโปรตีนอย่างไรให้ประโยชน์สูงสุดและทำให้ร่างกายเราแข็งแรงสุขภาพดี มีความสุขสมบูรณ์และชะลอการแก่ชรา

วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555

วิธีลดความเครียด ดนตรีบำบัด ลดความเครียดด้วยเสียงเพลง

วิธีลดความเครียด ดนตรีบำบัด ลดความเครียดด้วยเสียงเพลง



ความเครียดเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สุขภาพของเราลดลง ทำให้เราแก่ตัวเร็วขึ้น วันนี้จะเสนอวิธีดนตรีบำบัด เพื่อเป็นอีกหนทางหนึ่งที่ช่วยละความเครียด และเป็นการชะลอความแก่ และ ดูแลสุขภาพด้วยตนเองง่ายๆ



ฟัง เสียงดนตรีคึกคักใจเราก็อยากเต้นตาม แต่พอเป็นจังหวะสบายๆ เราก็เริ่มรู้สึกผ่อนคลาย อย่างกับว่าจังหวะและเสียงนั้นสั่งใจเราได้ก็ไม่ผิดนัก


ด้วย เหตุนี้เอง คนยุคใหม่เลยนำความมหัศจรรย์ของดนตรีมาใช้กับการบำบัดความเครียด นอกเหนือจากการฟังเพลงทั่วๆ ไปแล้วรู้สึกดี ซึ่งจะว่าไปแล้ว ดนตรีไม่ได้เกิดจากจินตนาการในการจับโน่นผสมนี่ของตัวโน้ตอย่างที่เราคิด แต่เป็นการเรียบเรียงที่เป็นแบบแผน และมีโครงสร้างที่สามารถอธิบายในแนวทางวิทยาศาสตร์ได้ ดนตรีจึงสามารถสร้างขึ้นเพื่อนำมาบำบัดมความรู้สึก และอารมณ์เราได้อย่างน่าเชื่อถือ

ดนตรี เป็นสื่อภาษาสากลที่ไม่ว่าคนชาติไหนๆ ก็เข้าใจเนื้อดนตรีเดียวกัน ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันได้ ดนตรีจึงสามารถใช้สื่อสารได้กับคนทั้งโลก รวมทั้งการนำมารักษาโรคได้กับทุกๆ คน ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ หรือคนที่ผิดปกติทางอารมณ์

ตั้งแต่อดีตมาแล้วที่เรารู้จักดนตรี และยังพบว่ามันมีพลังมหาศาลนารรักษาโรค อย่างคนธิเบตก็ใช้วิธีการเคาะระฆัง เคาะชาม และใช้เสียงสวดมนต์ในพิธีกรรม ที่เชื่อด้วยว่าจะช่วยปรับสมดุลใจของเรา คนไทยเราเองก็ใช้การสวดมนต์ ที่นอกเหนือจากเรื่องศาสนาแล้ว ก็ยังเป็นคลื่นเสียงที่ช่วยสงบจิตใจเราให้นิ่งขึ้น

นี่ล่ะที่เป็นเหตุผลที่ว่า เวลาเราซึมเซา อยากกระฉับเฉง แค่เปิดดนตรีฟังสนุกเราก็ตื่นตัวขึ้นมาได้ง่ายๆ แล้ว ดนตรีจึงมีพลังกับเราไม่น้อยเลย และยังสามารถนำมาจัดการกับความเครียดได้ด้วย เพราะหากเราได้ฟังดนตรีจังหวะผ่อนคลาย การทำงานของสมองเราจะตอบสนองตาม และร่างกายของเราจะเปลี่ยนไป เช่น หายใจเรียบขึ้น หัวใจเต้นช้าลง ความดันเลือกปกติ ม่านตาหดลง กล้ามเนื้อก็ไม่ตึงเกร็ง ผลดีเหล่านี้ทำให้เราศึกษาการใช้ดนตรีมาบำบัดความเครียดกันมากขึ้นเรื่อยๆ และยังรักษาร่างกายที่เจ็บป่วยได้อีกด้วย

ประโยชน์ดนตรีบำบัด

ลดความวิตกกังวลได้ เพียง เราฟังดนตรีจังหวะช้าๆ ผ่อนคลาย พลางหลับตาจินตนาการภาพที่เรารู้สึกดี เราก็จะลดความตึงเกร็งของร่างกายทุกส่วนลง และยังปรับสมดุลใจเราให้เป็นปกติ

เพิ่มภูมิคุ้มกันได้ เพราะเมื่อร่างกายสงบ การไหลเวียนเลือดเป็นปกติ การหายใจผ่อนคลาย และความเจ็บปวดลดลง ร่างกายก็จะตอบสนองเป็นจิตใจที่ดี มีภูมิคุ้มกันยามเจ็บป่วย

เพิ่มทักษะการสื่อสาร คนที่สื่อสารติดขัด ดนตรียังช่วยปรับคลื่นเราสมองเราให้เป็นปกติ ทำให้เราเรียบเรียงความคิดและการสื่อสารออกไปดีขึ้นได้ รวมทั้งการแสดงออกของเราด้วย

ทำให้เรามั่นใจขึ้น การขาดความมั่นใจในตัวเองก็เป็นปัญหาทางจิตใจอย่างหนึ่ง แต่หากเราได้บำบัดเป็นกลุ่ม ได้ร้องเพลงร่วมกัน ได้เต้นรำไปด้วย ก็มีการพบว่าเราจะให้ความสำคัญกับตัวเรามากขึ้น มั่นใจในการแสดงออกขึ้น

เยียวยาบำบัดโรค โรค ในที่นี้มีทั้งโรคทางร่างกาย และโรคทางจิต มีการนำดนตรีมารักษาอย่างจริงๆ จังๆ แล้วมากมาย แล้วพบว่าช่วยให้คนไข้เคลื่อนไหวและควบคุมตัวเองดีขึ้น ลดการแสดงออกที่ไม่เหมาะสม แก้ปมในใจ และยังสร้างเสริมอารมณ์เชิงบวกได้เป็นอย่างดี

หรือลองมาบำบัดอารมณ์ให้สดใส ด้วยการฝึกใช้ดนตรีให้เป็นประโยชน์ตามนี้

วิธีการบำบัดความเครียดด้วยดนตรี1. เลือกดนตรีที่เรารู้สึกดี ฟังสบาย อาจเป็นทำนองหรือมีเนื้อร้องก็ได้ แต่เหมาะกับอารมณ์ในเวลานั้น เช่น ดนตรีบำบัดเครียด หรือดนตรีเพิ่มความตื่นตัว เป็นต้น

2. เอนหลังไปกับที่นอนหรือเก้าอี้นุ่มๆ ปรับอุณหภูมิหรือห่มผ้าให้อุ่นสบาย

3. เปิดดนตรีฟังสัก 10 – 15 ที หลับตาจินตนาการถึงความรู้สึกดีๆ หรือภาพที่เราประทับใจน้ำ

4. อาจเพิ่มการจุดเทียนหอม หรือเหยาะน้ำมันหอมระเหยเพื่อปรับบรรยากาศห้องเพิ่มก็ได้

credit จาก : music-parks.com